ผู้เขียน หัวข้อ: ตับอักเสบเกิดจากอะไร ระวังยาที่กินประจำอาจทำร้ายตับได้  (อ่าน 25 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 821
  • เว็บลงโฆษณาฟรี ประกาศขายสินค้าออนไลน์ ซื้อขายแลกเปลี่ยน ลงประกาศฟรี
    • ดูรายละเอียด
ตับอักเสบเกิดจากอะไร ระวังยาที่กินประจำอาจทำร้ายตับได้

ตับอักเสบเกิดจากอะไร อีกหนึ่งคำถามสุดน่าสนใจที่เราทุกคนควรรู้เอาไว้ในช่วงหน้าร้อน เพราะเมื่อเข้าสู่ฤดูดังกล่าว หลายคนอาจมองว่าความกังวลใจมีแค่เพียงเรื่องแดดแรงหรือโรคฮีทสโตรกเท่านั้น แต่รู้หรือไม่ว่า “ตับอักเสบ” ก็เป็นอีกหนึ่งโรคที่พบได้บ่อยในช่วงนี้ และกำลังกลายเป็นปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ทานยาบางชนิดเป็นประจำ หรือมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การกินอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ รวมถึงคนที่ชอบใช้ยาสมุนไพรแบบไม่ผ่านการตรวจสอบ

แม้ว่า “ตับ” จะเป็นอวัยวะที่ไม่มีเส้นประสาทรับความเจ็บปวด ทำให้หลายคนไม่รู้เลยว่าตับกำลังมีปัญหา จนกระทั่งอาการลุกลามมากขึ้นเรื่อย ๆ การรู้เท่าทันตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่า “ตับอักเสบเกิดจากอะไร” และสังเกตความผิดปกติเล็กน้อยในร่างกายได้ตั้งแต่ระยะแรก จึงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้คุณดูแลสุขภาพตับไว้ได้อย่างยั่งยืน

บทความนี้ ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจ โรคตับอักเสบให้ลึกขึ้น ทั้งในแง่ของประเภท สาเหตุ อาการ วิธีวินิจฉัย แนวทางรักษา ไปจนถึงการป้องกัน และการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสมหากคุณหรือคนใกล้ตัวได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้แล้ว


ทำความรู้จักกับ โรคตับอักเสบ ให้มากขึ้น

โรคตับอักเสบ หรือ Hepatitis คือ ภาวะที่ตับเกิดการอักเสบแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยผู้ป่วยจะมีอาการเบื่ออาหาร ท้องร่วง ปวดท้องเฉียบพลัน อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือบางรายอาจมีอาการปวดท้องใต้ชายโครงด้านขวาร่วมด้วย ซึ่งโรคตับอักเสบมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ ดังนี้

    แบบอักเสบเฉียบพลัน อาการเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาจดีขึ้นเองในไม่กี่สัปดาห์
    แบบอักเสบเรื้อรัง อาการค่อย ๆ สะสมและต่อเนื่องเกิน 6 เดือน ซึ่งเสี่ยงลุกลามเป็นตับแข็งหรือโรคมะเร็งตับได้

ตับอักเสบเกิดจากอะไร บ้าง?

แม้ว่า “ตับ” จะเป็นอวัยวะที่ไม่ส่งเสียงเตือนในยามเจ็บป่วย แต่หากเกิดอักเสบขึ้นมาเมื่อไร ผลกระทบที่ตามมานั้นอาจลุกลามถึงชีวิตโดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งสาเหตุการเกิด โรคตับอักเสบ สามารถเกิดขึ้นได้ 2 ปัจจัยหลัก ๆ เช่น


1. เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ

ตับอักเสบเกิดจากอะไรบ้าง?

โดยอาการจะขึ้นอยู่กับเชื้อไวรัสที่ผู้ป่วยเผชิญ ไม่ว่าจะเป็น

    ไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A Virus) มักเกิดจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ (Fecal–oral route) อาการที่พบบ่อย ได้แก่ อ่อนเพลีย ไข้ คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ปวดท้อง ตัวเหลือง ตาเหลืองแบบเฉียบพลัน ในบางรายอาจมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ผื่นผิวหนัง หรือปวดข้อได้ อาการมักจะหายได้เองในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันดี แต่ในบางกรณีอาจเกิดภาวะตับวายเฉียบพลัน โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคตับเรื้อรังอยู่เดิม

    ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B Virus) ติดต่อผ่านทางเลือด เพศสัมพันธ์ หรือจากแม่สู่ลูก อาการในระยะเฉียบพลัน ได้แก่ อ่อนเพลีย ไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดท้อง ปัสสาวะสีเข้ม ตัวเหลือง ตาเหลือง โดยอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อร่างกายกำจัดเชื้อได้เอง 

    ไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C Virus) ติดต่อทางเลือดเป็นหลัก เช่น การใช้เข็มร่วมกัน อาการในระยะเฉียบพลันมักไม่มี หรือมีเพียงเล็กน้อย (ประมาณ 25-30% จะมีตัวเหลือง ตาเหลือง) ส่วนใหญ่จะไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อ เมื่อกลายเป็นตับอักเสบเรื้อรัง (พบได้ถึง 80% ของผู้ติดเชื้อ) จะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และเมื่อโรคดำเนินไปมากขึ้นอาจเกิดภาวะตับแข็ง ม้ามโต ท้องมาน ขาบวม เลือดออกง่าย สมองมึนงง หรือกลายเป็นมะเร็งตับได้

    ไวรัสตับอักเสบดี (Hepatitis D Virus) ไวรัสชนิดนี้จะติดเชื้อได้เฉพาะในผู้ที่มีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B อยู่แล้ว อาการจะรุนแรงกว่าการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B เพียงอย่างเดียว โดยอาจเกิดตับอักเสบเฉียบพลันรุนแรงหรือตับวายได้ง่ายขึ้น

    ไวรัสตับอักเสบอี (Hepatitis E Virus) ติดต่อคล้ายไวรัสตับอักเสบ A คือผ่านทางอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อน อาการโดยทั่วไปคล้ายกับไวรัสตับอักเสบ A ได้แก่ ไข้ อ่อนเพลีย ตัวเหลือง ตาเหลือง แต่ในหญิงตั้งครรภ์โดยเฉพาะช่วงไตรมาสที่ 3 อาจเกิดภาวะตับวายรุนแรงและมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่ากลุ่มอื่น ดังนั้นผู้ป่วยกลุ่มนี้ควรรับประทานอาหารด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ

ทั้งนี้ อาการของโรคไวรัสตับอักเสบแต่ละชนิดมีความคล้ายคลึงกันในแง่ของอาการตับอักเสบเฉียบพลัน เช่น ไข้ อ่อนเพลีย ตัวเหลือง ตาเหลือง แต่ความรุนแรงและความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจะแตกต่างกันไปตามชนิดของไวรัสและปัจจัยของผู้ป่วยแต่ละราย


2. พฤติกรรมการใช้ชีวิต

ตับอักเสบเกิดจาก พฤติกรรมการใช้ชีวิต

นอกจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบแล้ว พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับและภาวะตับอักเสบ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่รูปแบบการใช้ชีวิตและการรับประทานอาหารเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้หากทำซ้ำเป็นเวลานาน อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของตับได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น 

    รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารปิ้งย่าง ของทอด ของมัน เช่น นม เนย กะทิ ชีส กุ้ง ปูไข่ ไข่แดง ซึ่งทำให้เกิดไขมันสะสมในตับและเสี่ยงต่อโรคไขมันพอกตับ

    ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ซึ่งการดื่มในปริมาณมากและต่อเนื่อง จะทำให้เซลล์ตับถูกทำลาย เกิดการอักเสบเรื้อรัง และนำไปสู่ภาวะตับแข็งได้

    การรับประทานยาโดยไม่จำเป็น หรือใช้ยาเกินขนาด เช่น ยาพาราเซตามอล ยาแก้อักเสบ และยาแก้ปวดบางชนิด เมื่อรับประทานต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะทำให้ตับทำงานหนักและเสี่ยงต่อการเกิดตับวาย

    ภาวะอ้วนลงพุงและน้ำหนักเกิน โดยไขมันส่วนเกินจะถูกสะสมที่ตับจนเกิดภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้อาจพัฒนาเป็นตับอักเสบเรื้อรังและตับแข็ง

    การบริโภคน้ำตาลมากเกินไป  ซึ่งเครื่องดื่มรสหวาน นอกจากจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงแล้ว ยังสามารถเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในตับ เพิ่มความเสี่ยงโรคไขมันพอกตับ แม้ในผู้ที่ไม่อ้วนก็ตาม

    การสูบบุหรี่ หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีควันบุหรี่ ส่งผลให้ตับต้องทำงานหนักขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคตับ

    การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน เพิ่มโอกาสรับเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ เช่น การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการใช้ยาหรืออาหารเสริมโดยไม่จำเป็น จะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันโรคตับได้อย่างมีประสิทธิภาพ


เราสามารถตรวจวินิจฉัย “โรคตับอักเสบ” อย่างไรได้บ้าง?

การวินิจฉัยโรคตับอักเสบมีความสำคัญอย่างยิ่งในการระบุชนิดของโรค ประเมินความรุนแรง และวางแผนการรักษา ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักพบผลโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพประจำปี โดยแนวทางในการตรวจสุขภาพหลัก ๆ ที่แพทย์ใช้มีดังนี้

    การซักประวัติและตรวจร่างกาย
    แพทย์จะสอบถามอาการ ประวัติการเจ็บป่วย พฤติกรรมเสี่ยง การใช้ยา การมีเพศสัมพันธ์รวมถึงตรวจร่างกายเพื่อหาสัญญาณของโรค เช่น ภาวะดีซ่าน (ตัวเหลือง ตาเหลือง) ตับโต หรืออาการบวม
    การตรวจเลือด
    เพื่อค่าการทำงานของตับที่ผิดปกติ รวมไปถึงการตรวจหาเชื้อไวรัส ที่อาจก่อให้เกิดโรคตับอักเสบ
    ตรวจด้วยเครื่องไฟโบรสแกน (Fibroscan)
    เป็นการตรวจไขมันในตับสูงและการตรวจพังผืด ที่ช่วยประเมินปริมาณไขมันในตับโดยที่ผู้ป่วยไม่เจ็บตัว และใช้เวลาไม่นาน
    การตรวจชิ้นเนื้อตับ (Liver Biopsy)
    ในบางกรณีที่ต้องการประเมินความรุนแรงหรือระยะของโรค แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กเจาะเก็บตัวอย่างเนื้อตับมาตรวจวิเคราะห์ทางพยาธิวิทยา


หากผู้ป่วยพบว่าเป็น “โรคตับอักเสบ” ควรปฏิบัติตัวอย่างไร?

เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคตับอักเสบ ผู้ป่วยควรดูแลตนเองอย่างเหมาะสมและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยให้ตับฟื้นฟู ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และป้องกันการแพร่กระจายของโรค โดยแนวทางการดูแลตนเองที่สำคัญ ได้แก่

    พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับวันละ 7–8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายและตับฟื้นตัวได้ดี

    รับประทานอาหารที่เหมาะสม เลือกอาหารสะอาด ย่อยง่าย ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารมันจัด แปรรูป และใส่สารกันบูด

    งดแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์ทำร้ายตับโดยตรง ควรงดดื่มทุกชนิด

    หลีกเลี่ยงยาหรืออาหารเสริมที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะยาสมุนไพรหรืออาหารเสริมที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

    ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือโยคะ หลีกเลี่ยงการออกแรงหนัก

    ควบคุมน้ำหนัก โดยเฉพาะในผู้ที่มีไขมันพอกตับ ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอและควบคุมอาหาร

    ดูแลสุขอนามัยส่วนตัว ได้แก่ ล้างมือบ่อย ๆ เพื่อป้องกันเชื้อโรค, หลีกเลี่ยงการใช้ของมีคม และของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น

    เพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ใช้ถุงยางอนามัย ลดความเสี่ยงการติดไวรัสตับอักเสบ B, C, D

    ตรวจสุขภาพตามนัด เพื่อตรวจเลือดและอัลตราซาวนด์ตามคำแนะนำแพทย์ และติดตามอาการ

    ใช้ยาตามแพทย์สั่ง ห้ามหยุดยา ปรับขนาด หรือเปลี่ยนยาเอง เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ


วิธีดูแลตนเอง และป้องกันไม่ให้เกิด “โรคตับอักเสบ”

    ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ A และ B ให้ครบตามกำหนด
    เลือกรับประทานอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำสะอาด
    หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน สักหรือเจาะในร้านที่ไม่สะอาด และมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
    ควบคุมโรคประจำตัวให้ดี โดยเฉพาะเบาหวานและความดันโลหิตสูง ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพตับในระยะยาว
    งดสูบบุหรี่ เพราะสารพิษในบุหรี่ทำให้ตับทำงานหนักขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคตับ
    ตรวจสุขภาพตับอย่างสม่ำเสมอ ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงควรพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดและอัลตราซาวนด์ช่องท้องเป็นระยะ

การใช้สิทธิบัตรทองในการขอรับยาสามัญประจำบ้าน

สำหรับผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย เช่น เวียนศีรษะ ปวดหัว ท้องเสีย ฯลฯ สามารถใช้สิทธิบัตรทอง เพื่อรับบริการที่ร้านยาที่เข้าร่วม “โครงการร้านยาคุณภาพของฉัน ให้บริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ” ได้ ซึ่งจะมีเภสัชกรคอยให้คำปรึกษา และจ่ายยาที่จำเป็นโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

 























































อยากขายของดี
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
ขายสินค้าไม่สต๊อกสินค้า
เริ่มขายของออนไลน์
รับทำ seo ด่วน
smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
ไม่รู้จะขายอะไรดี

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
โพสกระตุ้นยอดขาย
วิธีกระตุ้นยอดขาย เซลล์
วิธีแก้ปัญหายอดขายตก
เริ่มต้นขายของ
แหล่งรับของมาขายออนไลน์
ขายของออนไลน์อะไรดี
อยากขายของออนไลน์
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี

กลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
วิธีการหาลูกค้าของ sale
ทำ SEO ติด Google
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี
วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
การหาลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเก่า
ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า
เพิ่มฐานลูกค้าใหม่
รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด

โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
ทําไงให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ๆ
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
เคล็ดลับขายของดี
ค้าขายไม่ดีทำอย่างไรดี
งานโพสโปรโมทงาน
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
หากลยุทธ์เพิ่มยอดขาย