ตับอักเสบเกิดจากอะไร ระวังยาที่กินประจำอาจทำร้ายตับได้ตับอักเสบเกิดได้จากหลายสาเหตุตามที่ได้กล่าวไปแล้ว (ไวรัส, แอลกอฮอล์, ไขมันพอกตับ, ภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง ฯลฯ)
ในส่วนของ "ยาที่กินเป็นประจำอาจทำร้ายตับได้" นั้นเป็นเรื่องจริงและเป็นสาเหตุของตับอักเสบที่สำคัญ เนื่องจากตับมีหน้าที่เป็นอวัยวะหลักในการ กำจัดและเปลี่ยนแปลง (Metabolism) สารแปลกปลอม รวมถึงยาเกือบทุกชนิดที่เรากินเข้าไป เมื่อตับต้องทำงานหนัก หรือเมื่อสารที่ถูกเปลี่ยนแปลงมีพิษต่อตับ ก็จะทำให้เซลล์ตับอักเสบและตายได้
กลุ่มยาที่ต้องระวังเป็นพิเศษว่าอาจทำร้ายตับ (Hepatotoxic Drugs)
ยาที่ทำให้เกิดตับอักเสบได้มีหลายกลุ่ม แต่กลุ่มที่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ได้แก่:
1. ยาแก้ปวดลดไข้
พาราเซตามอล (Paracetamol / Acetaminophen): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการเกิดตับอักเสบเฉียบพลันจากยา
อันตราย: หากรับประทานเกินขนาดที่กำหนดต่อวัน (โดยทั่วไปไม่เกิน 4,000 มิลลิกรัม หรือ 8 เม็ดต่อวัน) หรือรับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ จะทำให้เกิดสารพิษที่ทำลายตับอย่างรุนแรง และอาจนำไปสู่ภาวะตับวายเฉียบพลันได้
ข้อควรระวัง: ต้องอ่านฉลากยาให้ดี เพราะยาแก้หวัดและยาอื่น ๆ บางชนิดอาจมีส่วนผสมของพาราเซตามอลอยู่แล้ว
2. ยาที่ใช้รักษาโรคเรื้อรังบางชนิด
ยากลุ่มลดไขมัน (Statins): เช่น Atorvastatin, Simvastatin
อันตราย: อาจทำให้ระดับเอนไซม์ตับ (ค่า AST, ALT) สูงขึ้นได้ แม้จะเกิดขึ้นไม่บ่อย แต่แพทย์จะต้องมีการตรวจเลือดเพื่อติดตามค่าตับอย่างสม่ำเสมอขณะใช้ยานี้
ยากันชักบางชนิด: เช่น Phenytoin, Valproic acid
ยารักษาวัณโรค (Anti-Tuberculosis Drugs): เช่น Isoniazid, Rifampicin เป็นกลุ่มยาที่ขึ้นชื่อว่ามีผลต่อตับสูง
3. สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
แม้จะอ้างว่าเป็น "ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ" แต่สมุนไพรบางชนิดอาจมีสารประกอบที่มีพิษต่อตับ หรือเกิดจากการปนเปื้อนในกระบวนการผลิต
สมุนไพรที่เคยมีรายงานปัญหาตับอักเสบ: เช่น ขี้เหล็ก (หากรับประทานไม่ถูกวิธี), ฟ้าทะลายโจร (หากใช้เกินขนาดหรือติดต่อกันนาน), บอระเพ็ด
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดน้ำหนัก หรือบำรุงต่าง ๆ: หลายชนิดที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจมีการปนเปื้อนของสารเคมีที่ไม่ระบุในฉลากและทำลายตับได้
4. ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)
ยาปฏิชีวนะบางกลุ่ม เช่น Amoxicillin/Clavulanate, Tetracycline
ยาต้านเชื้อราบางชนิด
ข้อแนะนำในการป้องกันตับอักเสบจากยา
ปรึกษาแพทย์/เภสัชกรเสมอ: หากคุณต้องรับประทานยาต่อเนื่องเพื่อรักษาโรคประจำตัว ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งว่าคุณกำลังรับประทานยา, อาหารเสริม, หรือสมุนไพรอื่น ๆ อยู่ เพื่อตรวจสอบว่ายาเหล่านั้นมีปฏิกิริยาต่อกันหรือไม่
ห้ามซื้อยากินเอง: โดยเฉพาะยาแก้ปวดที่ต้องกินบ่อย ๆ หรือการใช้ยาสมุนไพรที่ไม่ทราบแหล่งที่มาและปริมาณชัดเจน
หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์: ขณะรับประทานยาใด ๆ ที่มีผลต่อตับ (โดยเฉพาะพาราเซตามอล) ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด เพราะจะยิ่งเพิ่มภาระการทำงานหนักของตับ
ตรวจสุขภาพตับประจำปี: ผู้ที่รับประทานยาต่อเนื่อง ควรรับการตรวจค่าเอนไซม์ตับ (AST, ALT) ในการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อให้ตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ